Walking Friend ซอมบี้น่ะเหรอ... อ๋อ! นั่นเพื่อนผมเอง เล่ม 2  (ราชานกฮูก)

Walking Friend ซอมบี้น่ะเหรอ... อ๋อ! นั่นเพื่อนผมเอง เล่ม 2 (ราชานกฮูก)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: Walking Friend 2
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 480.00 บาท 120.00 บาท
ประหยัด: 360.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ผมชื่อโทมัส และดูท่าแล้ว ผมคิดว่าผมก�ำลังเจอปัญหา ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต... ก ่อนอื่น ผมต้องขอย้อนความกลับไปเมื่อหลายเดือนก ่อน ตอนนั้นผมซึ่งกำลังเป็นนักศึกษาคนหนึ่ง ผู้ทำงานเป็นครูสอนพิเศษให้ เด็กๆเกรด 10-12 สำหรับการเตรียมตัวเข้ามหา’ลัย ที่ต้องทำงาน หนึ่ง ก็เพื่อตัวผมเอง และสอง ก็เพื่อเพื่อนรัก ของผม เอบิเกล ทำไมผมถึงต้องเลี้ยงดูเขาด้วยน่ะเหรอ... อืม นี่พูดยากแฮะ มันต้องย้อนความกันสักเล็กน้อย ในวัยเด็ก ครอบครัวของผมและครอบครัวเอบิเกลสนิทกัน นั่นเป็นเพราะว่าพ่อแม่ของเราสนิทกันมาก เราอยู ่บ้านหลังติดกัน บทนำ� : โทมัส 8 vWalking Friend 2 คลานแข่งกันในวัยเด็ก เล่นน้ำด้วยกัน แม้กระทั่งอาบน้ำ เรายังอาบ ด้วยกันบ่อยๆ จนกระทั่งเริ่มเติบโตขึ้น ผมเลยบอกเขาว่า เราแยกกันอาบ น่าจะโอเคกว่า... แต ่แล้ววันหนึ่ง ครอบครัวของพวกเราทั้งสองต ่างประสบ อุบัติเหตุ พ่อแม่ของผมและของเอบิเกลต่างเสียชีวิตไปในเหตุการณ์ ครานั้น ในตอนนั้น ผมเสียใจมากเอบิเกลก็เช่นกัน แต่ในขณะที่ผมไม่มีสติเอาแต่ร้องห่มร้องไห้เอบิเกลก็เดิน เข้ามา กอดผม พร้อมทั้งพูดว่า ‘ฉันจะดูแลนายเอง อย่าร้องไห้ไปเลยนะ เอ้านี่ กินเสียสิ ฉันแอบไปขโมยมาจากร้านป้ามาร์ธาร์ตรงหัวมุมแยก’ นั่นล่ะเพราะครั้งนั้นนั่นเอง ที่ผมได้ยินว่า เขาจะดูแลผมเอง... ผมเลย ต้องดูแลเขาตั้งแต่นั้น ก็แหม... ตอนนั้นน่ะ ผมก็แค่ไม่มีสติแต่พออะไรเริ่มเข้าที่ เข้าทาง ผมก็พอจะคิดได้ว่า ชีวิตมันต้องดำเนินต่อไป ส่วนเอบิเกล ขานั้นทั้งๆ ที่ตอนแรกทำท่าซะเหมือนแข็งแกร่ง เอาเข้าจริง ตั้งแต่ตอนนั้น เขาก็เริ่มที่จะคิดอะไรแปลกๆ ตลอดเวลา ยกตัวอย ่างเช่น ปกติคนเราต้องทำงานเพื่อให้ได้เงินมา จากนั้นก็เอาเงินไปซื้อของกิน แล้วเราก็จะอิ่มท้อง แต่เอบิเกลไม่คิดแบบนั้น เขาบอกผมว่า ‘หยิบมากินเลยก็ สิ้นเรื่องอิ่มเลยไม่ต้องทำงานหาเงินด้วย’ 9 … ราชานกฮูก v นั่นแหละครับ ผมเลยต้องเป็นคนทำมาหากิน หาเลี้ยงเขา ตั้งแต่วินาทีนั้น โชคดีที่ครอบครัวของเราสองคนพอจะมีฐานะอยู่บ้าง บวกกับ ได้นักสังคมสงเคราะห์ที่จิตใจดีงามไม่คดโกง พวกเราจึงสามารถเข้า มหา’ลัยได้โดยที่ก่อนหน้านั้นไม่ลำบากอะไรมากมาย มันจึงวกกลับมาที่ว่า ทำไมผมต้องทำงานพิเศษเป็นติวเตอร์ สอนเด็กๆเกรด 10-12 นั่นก็เพราะว่า มรดกของพวกเราหมดแล้ว ต้องขอบคุณพระเจ้าที่มอบ IQ ให้ผมมาเยอะเสียเหลือเกิน ผมจึงไปได้ดีกับงานพิเศษที่ทำมาก แต่ละคลาสที่ผมเข้าสอน ล้วนมี คนมาติวถึงหนึ่งร้อยคน ถึงจะดีใจ แต่ใจจริงก็อยากจะแบ่ง IQ ไปให้เอบิเกลบ้าง... ผมหวังแบบนั้นจริงๆ ต่อมาเรื่องราวอันเลวร้ายก็ได้บังเกิดขึ้น ได้เกิดการปรากฏขึ้นของ ‘ต้นไม้เลือด’ ไปทั่วโลก ต้นไม้เลือดกระจายละอองไวรัสที่ทำให้คนกลายเป็นซอมบี้ ทำให้สัตว์นานาชนิดกลายพันธุ์แม่น้ำสะอาดกลายเป็นแม่น้ำพิษ อากาศสดใสกลายเป็นกลิ่นอายของความตาย ภายในไม่กี่วัน หอพักของพวกเราและเมืองใกล้ๆก็กลายเป็น เมืองแห่งความตายกลิ่นอายของชีวิตลดน้อยลงทุกวัน 10 vWalking Friend 2 ตอนนั้นนั่นเองที่ผมพบว่า เงินตรามันไม่สำคัญอีกต่อไป พวกเราเก็บตัวอยู ่ในหอพักได้ไม ่กี่วัน เสบียงที่มีก็เริ่มที่จะ หมดไป และในขณะที่ผม และเอบิเกล ลงไปด้านล่างเพื่อจะหาอะไร มาประทังชีวิต ผมพลาด... ผมโดนซอมบี้กัด เชื้อไวรัสเข้าสู่กระแสเลือดของผม ความไม่เป็นตัวของตัวเอง ค่อยๆ มีอำนาจมากกว่าความนึกคิดของผม และในขณะที่ผมกำลังจะ กลายเป็นซอมบี้ผมจำได้อยู่เรื่องหนึ่ง... ผม... กัดเอบิเกลเข้าไปหนึ่งที มันเป็นช ่วงเวลาที่ผมกลับมามีสติอยู ่เล็กน้อย เท่าที่ผม ตระหนักได้ผมได้กระทำสิ่งที่ตนเองเสียใจที่สุดในชีวิต ผมทำร้าย... คนสำคัญของผม ผมเริ่มออกวิ่ง ผมหนีหนีไปเพื่อไม่ให้ตัวเองต้อง ทำร้ายเอบิเกลซ้ำสอง และนั่นก็คือสิ่งสุดท้ายที่ผมจำได้ กาลเวลาผ่านมานานแค่ไหนก็สุดรู้ผมได้สติคืนมา ทว่า... การได้สติครั้งนี้อันที่จริงก็ไม่ใช่เป็นการได้สติในฐานะมนุษย์อีกต่อไป ผม... มีสติฟื้นคืนมา จากฐานะใหม่...ฐานะ ราชาซอมบี้ ราชาซอมบี้คือชื่อที่เอาไว้เรียกซอมบี้ที่มีความสามารถ พิเศษ นอกจากนี้ในหมู่ราชาซอมบี้ด้วยกัน ยังมีการแบ่งระดับสูงต่ำ ไม่เท่ากัน โดยวัดง่ายๆ จากสีของดวงตา และเมื่อดวงตากลายเป็น สีทองก็หมายถึง ระดับที่สูงขึ้นสูงสุด และกลายเป็นซอมบี้ที่ระดับ 11 สติสัมปชัญญะกลับมาอีกครั้ง ราชานกฮูก v เป็นสติครั้งที่ยังเป็นมนุษย์ ต่อมาผมกลับมาที่เมืองซึ่งผมและเอบิเกลอยู่ ผมออกตามหา เขา และในที่สุดก็เจอเขาจนได้ น่าตกใจที่จะต้องบอกว่า เอบิเกลก็เป็นราชาซอมบี้เหมือนกัน แถมความสามารถของเขา ก็ช่างน่าตระหนกเป็นอย่างยิ่ง... เพราะเอบิเกล พวกเราเลยสามารถที่จะเปลี่ยนให้ต้นไม้เลือด กลายเป็น ‘ต้นไม้ทองคำ’ถ้าเจตจำนงของต้นไม้เลือดคือความบ้าคลั่ง เจตจำนงของต้นไม้ทองคำก็คือ ความสงบสุขอันเป็นนิรันดร์ ในตอนนั้นเอง ที่ผมและบรรดาเพื่อนใหม่ๆ ทั้งสตีฟ มิเกล คริส คุณแดเนียล อาราก้อน คุณตัวตลก และเพื่อนๆอื่นๆอีกมากมาย พวกเรา ร่วมกันก่อตั้งองค์กร ‘Golden Tree’ หรือก็คือ องค์กรต้นไม้ ทองคำ จุดประสงค์คือออกเดินทางไปยังเมืองอื่นๆเพื่อที่จะเปลี่ยนให้ ต้นไม้เลือดทุกต้น กลายเป็นต้นไม้ทองคำ พวกเราทำได้สำเร็จ มันไม่ได้ยากเย็นอะไรเท่าไรนัก เพราะ ด้วยพลังของเอบิเกล เมืองเล็กๆ ซึ่งเต็มไปด้วยราชาซอมบี้ธรรมดาๆ จึงเปรียบเสมือนทางผ่านสำหรับเราก็เท่านั้น โอเค ใกล้มาถึงสิ่งที่ผมบอกว่าเป็นปัญหาแล้วล่ะ พวกเราได้ข่าวจากหน่วยสอดแนมขององค์กรโกลด์เด้นทรี บอกว่า เมืองต่อไปเป็นเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งมีต้นไม้เลือดปรากฏขึ้นถึง ห้าต้น นี่นับว่าเป็นงานช้างเลยแหละ... 12 vWalking Friend 2 ความแข็งแกร่งของเหล่าซอมบี้จะมากขึ้นหรือน้อยลงก็ขึ้น อยู่กับความเข้มข้นของไวรัสที่อยู่ในตัว ลองจินตนาการถึงซอมบี้ใน เมืองนี้ที่อาจจะมีความแข็งแกร่งกว่าของเมืองอื่นถึงห้าเท่า พวกเราก็ เครียดขึ้นมาในทันที จริงอยู่ที่พวกเราเปลี่ยนต้นไม้เลือดให้กลายเป็นต้นไม้ทองคำ มากไปกว่าสิบต้นแล้ว และแต่ละต้น ก็ได้ให้พลังพิเศษพวกเรามา พอสมควรกระนั้นต่อให้พวกเราแข็งแกร่งมากขึ้นขนาดไหน แต่การบุก เข้าไปในเมืองที่เต็มไปด้วยซอมบี้ที่แข็งแกร่งกว่าที่อื่นถึงห้าเท่านั่นน่ะ บอกตามตรง ผมว่านี่เรื่องใหญ่แน่ กระนั้นหน่วยลาดตระเวนของเรายังบอกอีกว่า ที่เมืองใหญ่นั่น ได้ปรากฏมนุษย์จำนวนมากอาศัยอยู่ ซ้ำแล้วพวกเขายังเป็นศัตรูกัน อย่างเปิดเผย แบ่งออกเป็นสามอาณาเขต เรื่องราวซับซ้อนของพวกกลุ่มขั้วอำนาจนี่แหละ ที่น่าปวดหัว มากกว่าเรื่องราชาซอมบี้เจ้าถิ่นเสียอีก กระนั้นเรื่องที่ผมบอกว่า ‘ผมกำลังเจอปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในชีวิต’ก็เริ่มจากตรงนี้นี่แหละ “โทมัสๆ ดูนี่สิฉันพบไก่ด้วยล่ะ!” เอบิเกลเรียกผมเสียงดังลั่น ผมซึ่งกำลังนั่งวางแผนกับคนอื่นๆ ที่ปากเส้นทางในการเข้าเมืองใหญ่ต้องขมวดคิ้ว และหันไปมองเอบิเกล เอบิเกลในยามนี้สวมใส่ชุดเครื่องแบบเหมือนพวกเรา มีตรา ต้นไม้สีทองแปะเอาไว้ที่หัวไหล่กระนั้นแล้วก็ยังสะพายกระเป๋าสีชมพู ลายจุด และห้อยน้ำมันพืชเอาไว้ที่เอวอีกด้วย 13 “เอบิเกล” ผมเรียกเขาออกไปพร้อมกับทำเสียงเข้ม ราชานกฮูก “อย่าจับมา v กินนะ นายก็รู้สัตว์พวกนี้กลายพันธุ์หมดแล้วถ้ากินเข้าไป พวกเราต้อง ท้องเสียจนหมดแรง แถมบางคนยังเกิดอาการแพ้จนเสียชีวิตเลยนะ” ใช่แล้วครับ ในยุคที่สัตว์ส่วนมากกลายพันธุ์ไปหมดแล้ว เนื้อ พวกมันก็กินไม่ได้เลย พวกเราจึงกินได้แค่เนื้อแช่แข็งก่อนวันสิ้นโลก ถั่ว และผลไม้กระป๋อง ซึ่งเอบิเกลบ่นมาตลอดเวลาเลยว่าอยากจะกิน อย่างอื่นบ้าง กระนั้นการที่เขาจะเอาไก่กลายพันธุ์มากิน ผมยอมไม่ได้หรอก เกิดเขาเป็นอะไรไปผมจะไม่ยอมยกโทษให้ตัวเองแน่ “ไม่นะโทมัส คุณอเล็กซานเดอร์ไม่ได้กลายพันธุ์!” ผมสะดุ้งและลุกขึ้นยืน ไม่ใช่แค่ผม แต ่สตีฟ มิเกล คริส พวกเราที่ล่วงหน้ามาก่อนใครต่างลุกขึ้นยืนพร้อมๆกัน “อะไรนะไม่ได้กลายพันธุ์ดีเลยเอบิเกล จับได้เมื่อไร ฉันขอยืม น้ำมันพืชนายเอามาทอดไก่กินหน่อยนะ!” สตีฟตะโกนพร้อมหัวเราะ เฮฮา ส่วนคริสและมิเกลก็อดขำออกมาไม่ได้ผมเองยังยิ้มๆเลย ใช่แล้ว ถ้ามีไก่ มีน�้ำมัน การเป็นไก่ทอด จึงไม่ใช่เรื่องยาก ทว่าเอบิเกลก็ตะโกนกลับมาว่า “ไม่ได้นะ คุณอเล็กซานเดอร์เป็นไก่ตัวผู้ที่ยังไม่กลายพันธุ์ พวกเราต้องหาไก่ตัวผู้ตัวอื่นให้เขา เผ่าพันธุ์ไก่จะได้กลับมาครองโลกที่ ชื่อว่า KFCอีกครั้ง” พูดแล้วเอบิเกลก็วิ่งตามไก่หายลงไปในเนินไกลลิบ “…” “…” 14 vWalking Friend 2 “…” พวกเราเงียบและไม่มีใครสามารถทำหน้าปกติได้จากนั้นสตีฟ ก็พูดออกมาว่า “หาไก่ตัวผู้ให้ไก่ตัวผู้อีกตัวสืบทอดเผ่าพันธุ์? อะไรกันวะ...” ขานั้นอึ้งจนพูดไม่ออกเลย คริสเท้าคาง มองขึ้นไปยังดวงตะวันอันเจิดจรัส แล้วก็พูด ออกมาว่า “ฝนจะตกไหมนะ มิเกล ระวังล่ะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา” ผมส่ายหน้ายิ้มๆ กำลังคิดว่าจะเดินไปตามเอบิเกลกลับมา เพราะแถวนี้อยู่ใกล้กับทางเดินนำ้ใต้ดินน่ากลัวที่เขาอาจจะซนจนเผลอ พลัดตกลงไปในนั้นได้... “วะ-เหวอ คุณอเล็กซานเดอร์!!!” แล้วอยู่ๆเอบิเกลก็แผดร้องออกมา ผมหน้าเสียและรีบทะยานร่างไปหาเขาด้วยความเร็วสูง พวกเราที่เหลือก็ตามมาติดๆ ตู้ม... ม!!! ผมวิ่งเข้าไปและก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เกิดเสียงดังสนั่น เงา ร่างอันคุ้นเคยเพิ่งจะหายเข้าไปในคลองส่งน้ำขนาดเล็กที่เกิดมาจาก นำ้ มือมนุษย์ดวงตาผมเบิกกว้างและเตรียมที่จะกระโดดลงไปในทันที “เอบิเกล!” ผมตะโกนดังลั่น ในหัวก็เดาเหตุการณ์ออกได้ในทันที 15 คุณอเล็กซานเดอร์... หรือก็คือไก ่ตัวที่เอบิเกลบอกว ่ ราชานกฮูก ายัง v ไม่กลายพันธุ์น ่าจะถูกเอบิเกลไล ่จนตกลงไปในน้ำ เอบิเกลก็เลย กระโดดลงไปช่วย ผมต้องโดดลงตามเขาไป! “เดี๋ยวก่อนโทมัส!” เสียงของคริสดังขึ้น เขากระชากผมเอาไว้ผมหันไปมองเขา ด้วยความฉงน “ทำไมล่ะ? เอบิเกลลอยหายเข้าไปในท่อแล้วนะ” คริสส่ายหัวอย่างจริงจัง และสตีฟก็เฉลยทุกอย่าง “นายใจเย็นๆเราเพิ่งจะวางแผนกันเมื่อกี้จำได้ไหม ว่าเมืองนี้มี ขั้วอำนาจอันยิ่งใหญ่ประมาณสามกลุ่มด้วยกัน อีกทั้งยังมีต้นไม้เลือด และราชาซอมบี้โคตรโหดพวกนั้นอีก ดังนั้นพวกเราต้องรอกำลังเสริม ก่อนค่อยจะเข้าไป เพราะหากเข้าไปหลายคนพร้อมกัน จะไปกระตุ้น ความสนใจของคนพวกนั้นเข้า บางทีสงครามอาจจะเกิดขึ้นก็ได้” ผมหน้าเสียและอดที่จะพยักหน้าไม่ได้ ใช่แล้ว สถานการณ์ภายในเมืองช ่างซับซ้อนอย ่างถึงที่สุด พวกเราจึงต้องหาทางเข้าเมืองที่ถูกต้องที่สุดด้วยเช่นกันเพราะว่า ความ ระแวงของแต่ละขั้วอำนาจได้มาถึงขั้นสุดท้าย สงครามระหว่างเพื่อน มนุษย์ด้วยกันพร้อมที่จะระเบิดขึ้นได้ตลอดเวลา “แต่ว่า ถ้าเอบิเกลเป็นอะไรไปล่ะ” ผมเป็นห่วงเขามากยังคงมีความคิดที่จะโดดน้ำตามไป 16 vWalking Friend 2 มิเกลส่ายหน้าพร้อมทั้งบอกว่า “ในกลุ่มนายคือคนที่พลังทำลายล้างสูงสุด แต่อย่าได้ลืมเชียว ว่าพลังของนายยังทำอะไรพลังของเอบิเกลไม่ได้พลัง ‘ด้วยพลังแห่ง ไม่มีไข ใสสะอาด’ นั่นพัฒนามากขึ้นตามจำนวนต้นไม้เลือดซึ่งกลาย เป็นต้นไม้สีทองพวกนั้น นายอย่าลืมนะว่าทำให้เป็นรอยขีดข่วนแค่เล็ก น้อยนายยังทำไม่ได้เลย” ผมกลืนน้ำลายและพยักหน้า ใช่แล้วล่ะ ตอนนี้พลังพิเศษของเอบิเกลพัฒนาถึงขึ้นที่เรียกได้ ว่าไร้เทียมทานไปแล้ว และในตอนที่ผมกำลังสงบสติอารมณ์ได้แล้วนั่นเอง สตีฟก็ อุทานออกมา “ฉิบหายแล้ว!” พวกเราทุกคนตกใจพร้อมทั้งหันหาสตีฟเป็นเชิงว่ามีอะไร สตีฟตัวสั่นและค่อยๆ ก้มลง มาถึงตอนนี้พวกเราจึงเพิ่งจะ สังเกตว่าตรงที่สตีฟยืนอยู่มันน่าจะเป็นจุดเดียวกับที่เอบิเกลยืนก่อนที่ จะโดดลงไปในน้ำ สตีฟค่อยๆยกบางอย่างขึ้นมาจากพื้น บางอย่าง... ที่พวกเราลงความเห็นแล้วว่ามันก็คือ... นำ้มันพืช น้ำมันพืช... น้ำมันพืช... น�้ำมันพืช! 17 “เฮ้ย!” / “อะไรนะ!” / “ตายห่าแล้ว... ว!” ราชานกฮูก v พวกเราทุกคนต ่างตะโกนออกมาด้วยความเคร ่งเครียด มองหน้ากันเลิ่กลั่ก คำถามคือ ทำไมพวกเราถึงต้องกังวลมากขนาดนี้ ต้องย้อนความกันสักนิด เอบิเกล ถึงแม้ว่าจะมีพลังอันสะเทือน ฟ้าสะท้านดิน แต่ก็มีจุดอ่อนอันร้ายแรงอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นก็คือ ถ้าไม่มีน�้ำมันพืชอยู่ข้างๆ เขาจะไม่ยอมใช้พลังพิเศษ อันที่จริงจะเรียกว่าไม่ยอมใช้ก็ไม่ถูก คืองี้... เอบิเกลเชื่อว่า พลังของตนได้มาจากเพื่อนที่ชื่อว่า ‘ไม่มีไข ใสสะอาด’ ซึ่งแน่นอนว่า ใครหลายคนอาจจะงุนงงสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าคนบ้าอะไรจะชื่อแบบนี้ ใช่แล้ว มันไม่ใช่ชื่อคน... แต่เป็นชื่นสโลแกนของผลิตภัณฑ์ น้ำมันถั่วเหลืองต่างหาก ดังนั้น... น่ากลัวที่จะต้องพูดว่า เอบิเกลคิดว่าพลังของตัวเอง ได้มาจาก‘น้ำมันพืช’ … … … ใช่แล้ว พูดเองผมยังเงิบเองเลย ใช่เลย เอบิเกลคิดแบบนั้น จริงๆอันที่จริงถ้าหากว่าใครก็ตามที่ได้พบเจอเรื่องราวการผจญภัยก่อน หน้านี้ของพวกเราตอนที่จัดการเปลี่ยนต้นไม้เลือดให้กลายเป็นต้นไม้ ทองคำล่ะก็จะต้องมีความเข้าใจมากขึ้นอีกโขเลยล่ะ 18 vWalking Friend 2 “ทำไมเอบิเกลถึงทิ้งน้ำมันพืชไว้ล่ะ” มิเกลตั้งคำถาม ทุกคนเองก็พยักหน้า ใช่แล้ว ปกติเอบิเกลจะ ไม่ยอมห่างเจ้าสิ่งนี้เลยนี่นา “ฉันคิดว่าฉันรู้นะ” สตีฟว่าพลางยกขวดน้ำมันพืชที่เขาเจอ ขึ้นมา มาถึงตอนนี้พวกเราที่เหลือต่างก็เห็นเหมือนกันแล้วว่ามันมี กระดาษโน้ตแปะเอาไว้อยู่ พวกเราเข้าใจได้พร้อมๆ กันว่านั่น ก็คือ ข้อความที่เอบิเกลทิ้งเอาไว้ให้ สตีฟอ่านโน้ตนั่นเสียงดังฟังชัดให้พวกเราได้ฟัง “ไม่มีไขใสสะอาด เป็นนำ้มันพืชที่ไม่ถูกกับนำ้มากๆ หลักฐาน คือ เวลาเทเขาลงในน้ำเปล่า ไม่มีไข ใสสะอาดจะไม่ยอมอยู่ร่วมแก้ว เดียวกันกับน้ำ จนถึงขนาดแบ่งแยกกันชัดเจน ดังนั้นถ้าฉันโดดลงน้ำ ไปพร้อมกับเขา ไม่มีไขใสสะอาดจะต้องโกรธฉันแน่เลย ลงชื่อ เอบิเกล” “…” “…” “…” พวกเราต่างเงียบ แล้วก็ตะโกนขึ้นมาในทันที “เชี่ยเอ๊ยยยเอบิเกลลล อะไรของนายวะ!!!” ดังนั้นการที่ผมเกิดมาเป็นคนที่อยู่กับเอบิเกลมาตั้งนานนม แล้ว ดูเหมือนว่าผมจะเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ “ทุกคนมีน้ำมันพืชด้วยกันแล้วนะ?” 19 ทุกคนทำหน้าได้สติพวกเราทุกคนด้วยความที่ต้องเดินท ราชานกฮูก าง v ไกลเลยมีเป้เอาไว้บรรจุอาหารกระนั้นนอกจากอาหารแล้วก็ยังมีนำ้มัน พืชเก็บไว้คนละขวด เพราะว่าอะไรนะหรือ? ก็เพราะว่าผมคาดเอาไว้ว ่าสักวันเหตุการณ์แบบนี้ต้อง เกิดขึ้นแน่นอน “ฉันมี” คริสว่า “ฉันมี” มิเกลว่า “ฉัน... ไม่มี...” สตีฟกล่าวแห้งๆ พวกเราเลยหันไปมองที่สตีฟ เป็นตาเดียว สตีฟย่นคอเล็กน้อย “พอดีว่าที่เมืองที่แล้วฉันไปเจอเนื้อหมู แช่แข็งมาน่ะ แหะๆก็เลย... เอาไปทอดหมูกินหมดแล้วอยากกินอีกจัง” ผมตัวหน้าผากตัวเองเบาๆจากนั้นก็ส่ายหน้าพร้อมทั้งกล่าวว่า “สตีฟ งั้นนายเก็บขวดของเอบิเกลเอาไว้แล้วกัน” พูดจบ สตีฟ พยักหน้าแล้วก็เก็บลงประเป๋าเป้ไป ผมเห็นแบบนี้ก็หันไปทางคลอง ส่งน้ำแล้วก็เริ่มอธิบายแผนการ “พวกเราจะผลัดกันโดดลงไปในนั้น เว้นระยะเวลาคนละ ห้านาทีข้างในกระแสน้ำแรงมากอีกทั้งเส้นทางเดินน้ำยังมีความ ซับซ้อนสูง มีความเป็นไปได้สูงว ่าปลายทางอาจจะไม่ปรากฏได้ ทั่วทั้งเมือง ดังนั้นพวกเราต้องกระจายตัวกันโดดลงไป และเมื่อไป ถึงปลายทางก็หวังว ่าในพวกเราสี่คนจะมีคนหนึ่งเจอเอบิเกลเข้า ภารกิจคือ มอบน้ำมันพืชให้เอบิเกลให้ได้” 20 vWalking Friend 2 ทุกคนพยักหน้าอย่างจริงจัง... กระนั้นสตีฟก็อดที่จะพูดออกมาไม่ได้ว่า “เอ่อ... นี่เป็นภารกิจที่โคตรงี่เง่าเลยว่าไหม นำส่งน้ำมันพืช” ตอนสตีฟไม่พูดก็ไม่มีใครคิดอะไร แต่พอพูดเท่านั้นแหละ คริส มิเกล แม้กระทั่งผมต่างก็อดห่อเหี่ยวไม่ได้ ใช่ โคตรงี่เง่าเลย กระนั้นมิเกลก็แย้ง “ไปกันเถอะถึงเวลาจวนตัวจริงๆ ต่อให้เอบิเกลไม่มีน้ำมันพืช พลังพิเศษก็จะทำงานเอง แต่การที่พวกเราเอาน้ำมันไปให้มันน่าจะ ดีกว่านะ” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ดังนั้นพวกเราเลยเริ่มต้นพลัดกันกระโดดลงน้ำ สตีฟลงไปคนแรกเว้นเวลาห้านาทีแล้วคริสก็ทำท่าจะตามไป มิเกลเดินมาหอมแก้มส่ง ผมเลยเบือนหน้าหนีไปทางอื่น อีกห้านาทีมิเกลก็ตามไป สุดท้ายหลังจากที่ผมส ่งข ่าวกลับไปให้คุณแดเนียลและ อาราก้อนแล้ว ผมก็กระโดดลงไปในน้ำและภาวนาว่าหนึ่งในพวกเรา จะไปปรากฏปลายทางเดียวกับเอบิเกล กระแสน้ำรุนแรงมาก ผมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกผลักด้วยมือที่ มองไม่เห็น กาลเวลาผ่านไปนานพอสมควร ผมก็รู้สึกว่าตัวเองมาถึง ปลายทางแล้ว 21 “ฮ่าห์!” ราชานกฮูก v ผมพ่นลมออกมาจนหมดปอดก่อนที่จะสูดเข้าไปใหม่อย่าง กระหาย จากนั้นมองไปรอบๆ เพื่อนหวังจะได้พบกับเอบิเกล หรือร่อง รอยของเขาก็ยังดี มองไปด้านหน้า... ไม่เจออะไร ทว่า... “ทะ-โทมัส...” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง ผมหันควับกลับไปในทันที แล้วก็พบว่า “หือ... สตีฟ?” เห็นหน้าสตีฟ สตีฟก็พยักหน้าให้ตัวเปียกปอน ไม่ต่างจากผม เขากำลังนั่งอยู่บนเนินที่อยู่เหนือน้ำ แล้วก็พบว่า ข้างๆ สตีฟก็มีอีกคนอยู่ด้วย “หือ... คริส?” เห็นหน้าคริส คริสก็พยักหน้าให้แต่แล้วผมก็ เห็นใครอีกคน “หือ... มิเกล?” มิเกลก็พยักหน้าให้... และแล้ว... ผมก็เข้าใจอะไรได้ในทันที ใช่แล้ว พวกเราน่ะ... มาออกจุดหมายเดียวกันหมดเลย ซึ่งจุดนี้แน่นอนว่า ไม่มีร่องรอยของเอบิเกลเลยสักนิด เห็นไหมล่ะ เอบิเกลก็ไม่เจอ แผนพัง ซ้ำแล้ว... ยังพาตัวเอง และทีม มาติดอยู่กับสถานที่ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าอยู่จุดไหนของเมืองนี้แถม เอบิเกลยังไม่มีน้ำมันพืชอีก 22 vWalking Friend 2 ผมบอกแล้ว ตอนนี้น่ะ... ผมคิดว่าผมก�ำลังเจอปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต!

รายละเอียด

ผมชื่อโทมัส และดูท่าแล้ว ผมคิดว่าผมก�ำลังเจอปัญหา ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต... ก ่อนอื่น ผมต้องขอย้อนความกลับไปเมื่อหลายเดือนก ่อน ตอนนั้นผมซึ่งกำลังเป็นนักศึกษาคนหนึ่ง ผู้ทำงานเป็นครูสอนพิเศษให้ เด็กๆเกรด 10-12 สำหรับการเตรียมตัวเข้ามหา’ลัย ที่ต้องทำงาน หนึ่ง ก็เพื่อตัวผมเอง และสอง ก็เพื่อเพื่อนรัก ของผม เอบิเกล ทำไมผมถึงต้องเลี้ยงดูเขาด้วยน่ะเหรอ... อืม นี่พูดยากแฮะ มันต้องย้อนความกันสักเล็กน้อย ในวัยเด็ก ครอบครัวของผมและครอบครัวเอบิเกลสนิทกัน นั่นเป็นเพราะว่าพ่อแม่ของเราสนิทกันมาก เราอยู ่บ้านหลังติดกัน บทนำ� : โทมัส 8 vWalking Friend 2 คลานแข่งกันในวัยเด็ก เล่นน้ำด้วยกัน แม้กระทั่งอาบน้ำ เรายังอาบ ด้วยกันบ่อยๆ จนกระทั่งเริ่มเติบโตขึ้น ผมเลยบอกเขาว่า เราแยกกันอาบ น่าจะโอเคกว่า... แต ่แล้ววันหนึ่ง ครอบครัวของพวกเราทั้งสองต ่างประสบ อุบัติเหตุ พ่อแม่ของผมและของเอบิเกลต่างเสียชีวิตไปในเหตุการณ์ ครานั้น ในตอนนั้น ผมเสียใจมากเอบิเกลก็เช่นกัน แต่ในขณะที่ผมไม่มีสติเอาแต่ร้องห่มร้องไห้เอบิเกลก็เดิน เข้ามา กอดผม พร้อมทั้งพูดว่า ‘ฉันจะดูแลนายเอง อย่าร้องไห้ไปเลยนะ เอ้านี่ กินเสียสิ ฉันแอบไปขโมยมาจากร้านป้ามาร์ธาร์ตรงหัวมุมแยก’ นั่นล่ะเพราะครั้งนั้นนั่นเอง ที่ผมได้ยินว่า เขาจะดูแลผมเอง... ผมเลย ต้องดูแลเขาตั้งแต่นั้น ก็แหม... ตอนนั้นน่ะ ผมก็แค่ไม่มีสติแต่พออะไรเริ่มเข้าที่ เข้าทาง ผมก็พอจะคิดได้ว่า ชีวิตมันต้องดำเนินต่อไป ส่วนเอบิเกล ขานั้นทั้งๆ ที่ตอนแรกทำท่าซะเหมือนแข็งแกร่ง เอาเข้าจริง ตั้งแต่ตอนนั้น เขาก็เริ่มที่จะคิดอะไรแปลกๆ ตลอดเวลา ยกตัวอย ่างเช่น ปกติคนเราต้องทำงานเพื่อให้ได้เงินมา จากนั้นก็เอาเงินไปซื้อของกิน แล้วเราก็จะอิ่มท้อง แต่เอบิเกลไม่คิดแบบนั้น เขาบอกผมว่า ‘หยิบมากินเลยก็ สิ้นเรื่องอิ่มเลยไม่ต้องทำงานหาเงินด้วย’ 9 … ราชานกฮูก v นั่นแหละครับ ผมเลยต้องเป็นคนทำมาหากิน หาเลี้ยงเขา ตั้งแต่วินาทีนั้น โชคดีที่ครอบครัวของเราสองคนพอจะมีฐานะอยู่บ้าง บวกกับ ได้นักสังคมสงเคราะห์ที่จิตใจดีงามไม่คดโกง พวกเราจึงสามารถเข้า มหา’ลัยได้โดยที่ก่อนหน้านั้นไม่ลำบากอะไรมากมาย มันจึงวกกลับมาที่ว่า ทำไมผมต้องทำงานพิเศษเป็นติวเตอร์ สอนเด็กๆเกรด 10-12 นั่นก็เพราะว่า มรดกของพวกเราหมดแล้ว ต้องขอบคุณพระเจ้าที่มอบ IQ ให้ผมมาเยอะเสียเหลือเกิน ผมจึงไปได้ดีกับงานพิเศษที่ทำมาก แต่ละคลาสที่ผมเข้าสอน ล้วนมี คนมาติวถึงหนึ่งร้อยคน ถึงจะดีใจ แต่ใจจริงก็อยากจะแบ่ง IQ ไปให้เอบิเกลบ้าง... ผมหวังแบบนั้นจริงๆ ต่อมาเรื่องราวอันเลวร้ายก็ได้บังเกิดขึ้น ได้เกิดการปรากฏขึ้นของ ‘ต้นไม้เลือด’ ไปทั่วโลก ต้นไม้เลือดกระจายละอองไวรัสที่ทำให้คนกลายเป็นซอมบี้ ทำให้สัตว์นานาชนิดกลายพันธุ์แม่น้ำสะอาดกลายเป็นแม่น้ำพิษ อากาศสดใสกลายเป็นกลิ่นอายของความตาย ภายในไม่กี่วัน หอพักของพวกเราและเมืองใกล้ๆก็กลายเป็น เมืองแห่งความตายกลิ่นอายของชีวิตลดน้อยลงทุกวัน 10 vWalking Friend 2 ตอนนั้นนั่นเองที่ผมพบว่า เงินตรามันไม่สำคัญอีกต่อไป พวกเราเก็บตัวอยู ่ในหอพักได้ไม ่กี่วัน เสบียงที่มีก็เริ่มที่จะ หมดไป และในขณะที่ผม และเอบิเกล ลงไปด้านล่างเพื่อจะหาอะไร มาประทังชีวิต ผมพลาด... ผมโดนซอมบี้กัด เชื้อไวรัสเข้าสู่กระแสเลือดของผม ความไม่เป็นตัวของตัวเอง ค่อยๆ มีอำนาจมากกว่าความนึกคิดของผม และในขณะที่ผมกำลังจะ กลายเป็นซอมบี้ผมจำได้อยู่เรื่องหนึ่ง... ผม... กัดเอบิเกลเข้าไปหนึ่งที มันเป็นช ่วงเวลาที่ผมกลับมามีสติอยู ่เล็กน้อย เท่าที่ผม ตระหนักได้ผมได้กระทำสิ่งที่ตนเองเสียใจที่สุดในชีวิต ผมทำร้าย... คนสำคัญของผม ผมเริ่มออกวิ่ง ผมหนีหนีไปเพื่อไม่ให้ตัวเองต้อง ทำร้ายเอบิเกลซ้ำสอง และนั่นก็คือสิ่งสุดท้ายที่ผมจำได้ กาลเวลาผ่านมานานแค่ไหนก็สุดรู้ผมได้สติคืนมา ทว่า... การได้สติครั้งนี้อันที่จริงก็ไม่ใช่เป็นการได้สติในฐานะมนุษย์อีกต่อไป ผม... มีสติฟื้นคืนมา จากฐานะใหม่...ฐานะ ราชาซอมบี้ ราชาซอมบี้คือชื่อที่เอาไว้เรียกซอมบี้ที่มีความสามารถ พิเศษ นอกจากนี้ในหมู่ราชาซอมบี้ด้วยกัน ยังมีการแบ่งระดับสูงต่ำ ไม่เท่ากัน โดยวัดง่ายๆ จากสีของดวงตา และเมื่อดวงตากลายเป็น สีทองก็หมายถึง ระดับที่สูงขึ้นสูงสุด และกลายเป็นซอมบี้ที่ระดับ 11 สติสัมปชัญญะกลับมาอีกครั้ง ราชานกฮูก v เป็นสติครั้งที่ยังเป็นมนุษย์ ต่อมาผมกลับมาที่เมืองซึ่งผมและเอบิเกลอยู่ ผมออกตามหา เขา และในที่สุดก็เจอเขาจนได้ น่าตกใจที่จะต้องบอกว่า เอบิเกลก็เป็นราชาซอมบี้เหมือนกัน แถมความสามารถของเขา ก็ช่างน่าตระหนกเป็นอย่างยิ่ง... เพราะเอบิเกล พวกเราเลยสามารถที่จะเปลี่ยนให้ต้นไม้เลือด กลายเป็น ‘ต้นไม้ทองคำ’ถ้าเจตจำนงของต้นไม้เลือดคือความบ้าคลั่ง เจตจำนงของต้นไม้ทองคำก็คือ ความสงบสุขอันเป็นนิรันดร์ ในตอนนั้นเอง ที่ผมและบรรดาเพื่อนใหม่ๆ ทั้งสตีฟ มิเกล คริส คุณแดเนียล อาราก้อน คุณตัวตลก และเพื่อนๆอื่นๆอีกมากมาย พวกเรา ร่วมกันก่อตั้งองค์กร ‘Golden Tree’ หรือก็คือ องค์กรต้นไม้ ทองคำ จุดประสงค์คือออกเดินทางไปยังเมืองอื่นๆเพื่อที่จะเปลี่ยนให้ ต้นไม้เลือดทุกต้น กลายเป็นต้นไม้ทองคำ พวกเราทำได้สำเร็จ มันไม่ได้ยากเย็นอะไรเท่าไรนัก เพราะ ด้วยพลังของเอบิเกล เมืองเล็กๆ ซึ่งเต็มไปด้วยราชาซอมบี้ธรรมดาๆ จึงเปรียบเสมือนทางผ่านสำหรับเราก็เท่านั้น โอเค ใกล้มาถึงสิ่งที่ผมบอกว่าเป็นปัญหาแล้วล่ะ พวกเราได้ข่าวจากหน่วยสอดแนมขององค์กรโกลด์เด้นทรี บอกว่า เมืองต่อไปเป็นเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งมีต้นไม้เลือดปรากฏขึ้นถึง ห้าต้น นี่นับว่าเป็นงานช้างเลยแหละ... 12 vWalking Friend 2 ความแข็งแกร่งของเหล่าซอมบี้จะมากขึ้นหรือน้อยลงก็ขึ้น อยู่กับความเข้มข้นของไวรัสที่อยู่ในตัว ลองจินตนาการถึงซอมบี้ใน เมืองนี้ที่อาจจะมีความแข็งแกร่งกว่าของเมืองอื่นถึงห้าเท่า พวกเราก็ เครียดขึ้นมาในทันที จริงอยู่ที่พวกเราเปลี่ยนต้นไม้เลือดให้กลายเป็นต้นไม้ทองคำ มากไปกว่าสิบต้นแล้ว และแต่ละต้น ก็ได้ให้พลังพิเศษพวกเรามา พอสมควรกระนั้นต่อให้พวกเราแข็งแกร่งมากขึ้นขนาดไหน แต่การบุก เข้าไปในเมืองที่เต็มไปด้วยซอมบี้ที่แข็งแกร่งกว่าที่อื่นถึงห้าเท่านั่นน่ะ บอกตามตรง ผมว่านี่เรื่องใหญ่แน่ กระนั้นหน่วยลาดตระเวนของเรายังบอกอีกว่า ที่เมืองใหญ่นั่น ได้ปรากฏมนุษย์จำนวนมากอาศัยอยู่ ซ้ำแล้วพวกเขายังเป็นศัตรูกัน อย่างเปิดเผย แบ่งออกเป็นสามอาณาเขต เรื่องราวซับซ้อนของพวกกลุ่มขั้วอำนาจนี่แหละ ที่น่าปวดหัว มากกว่าเรื่องราชาซอมบี้เจ้าถิ่นเสียอีก กระนั้นเรื่องที่ผมบอกว่า ‘ผมกำลังเจอปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในชีวิต’ก็เริ่มจากตรงนี้นี่แหละ “โทมัสๆ ดูนี่สิฉันพบไก่ด้วยล่ะ!” เอบิเกลเรียกผมเสียงดังลั่น ผมซึ่งกำลังนั่งวางแผนกับคนอื่นๆ ที่ปากเส้นทางในการเข้าเมืองใหญ่ต้องขมวดคิ้ว และหันไปมองเอบิเกล เอบิเกลในยามนี้สวมใส่ชุดเครื่องแบบเหมือนพวกเรา มีตรา ต้นไม้สีทองแปะเอาไว้ที่หัวไหล่กระนั้นแล้วก็ยังสะพายกระเป๋าสีชมพู ลายจุด และห้อยน้ำมันพืชเอาไว้ที่เอวอีกด้วย 13 “เอบิเกล” ผมเรียกเขาออกไปพร้อมกับทำเสียงเข้ม ราชานกฮูก “อย่าจับมา v กินนะ นายก็รู้สัตว์พวกนี้กลายพันธุ์หมดแล้วถ้ากินเข้าไป พวกเราต้อง ท้องเสียจนหมดแรง แถมบางคนยังเกิดอาการแพ้จนเสียชีวิตเลยนะ” ใช่แล้วครับ ในยุคที่สัตว์ส่วนมากกลายพันธุ์ไปหมดแล้ว เนื้อ พวกมันก็กินไม่ได้เลย พวกเราจึงกินได้แค่เนื้อแช่แข็งก่อนวันสิ้นโลก ถั่ว และผลไม้กระป๋อง ซึ่งเอบิเกลบ่นมาตลอดเวลาเลยว่าอยากจะกิน อย่างอื่นบ้าง กระนั้นการที่เขาจะเอาไก่กลายพันธุ์มากิน ผมยอมไม่ได้หรอก เกิดเขาเป็นอะไรไปผมจะไม่ยอมยกโทษให้ตัวเองแน่ “ไม่นะโทมัส คุณอเล็กซานเดอร์ไม่ได้กลายพันธุ์!” ผมสะดุ้งและลุกขึ้นยืน ไม่ใช่แค่ผม แต ่สตีฟ มิเกล คริส พวกเราที่ล่วงหน้ามาก่อนใครต่างลุกขึ้นยืนพร้อมๆกัน “อะไรนะไม่ได้กลายพันธุ์ดีเลยเอบิเกล จับได้เมื่อไร ฉันขอยืม น้ำมันพืชนายเอามาทอดไก่กินหน่อยนะ!” สตีฟตะโกนพร้อมหัวเราะ เฮฮา ส่วนคริสและมิเกลก็อดขำออกมาไม่ได้ผมเองยังยิ้มๆเลย ใช่แล้ว ถ้ามีไก่ มีน�้ำมัน การเป็นไก่ทอด จึงไม่ใช่เรื่องยาก ทว่าเอบิเกลก็ตะโกนกลับมาว่า “ไม่ได้นะ คุณอเล็กซานเดอร์เป็นไก่ตัวผู้ที่ยังไม่กลายพันธุ์ พวกเราต้องหาไก่ตัวผู้ตัวอื่นให้เขา เผ่าพันธุ์ไก่จะได้กลับมาครองโลกที่ ชื่อว่า KFCอีกครั้ง” พูดแล้วเอบิเกลก็วิ่งตามไก่หายลงไปในเนินไกลลิบ “…” “…” 14 vWalking Friend 2 “…” พวกเราเงียบและไม่มีใครสามารถทำหน้าปกติได้จากนั้นสตีฟ ก็พูดออกมาว่า “หาไก่ตัวผู้ให้ไก่ตัวผู้อีกตัวสืบทอดเผ่าพันธุ์? อะไรกันวะ...” ขานั้นอึ้งจนพูดไม่ออกเลย คริสเท้าคาง มองขึ้นไปยังดวงตะวันอันเจิดจรัส แล้วก็พูด ออกมาว่า “ฝนจะตกไหมนะ มิเกล ระวังล่ะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา” ผมส่ายหน้ายิ้มๆ กำลังคิดว่าจะเดินไปตามเอบิเกลกลับมา เพราะแถวนี้อยู่ใกล้กับทางเดินนำ้ใต้ดินน่ากลัวที่เขาอาจจะซนจนเผลอ พลัดตกลงไปในนั้นได้... “วะ-เหวอ คุณอเล็กซานเดอร์!!!” แล้วอยู่ๆเอบิเกลก็แผดร้องออกมา ผมหน้าเสียและรีบทะยานร่างไปหาเขาด้วยความเร็วสูง พวกเราที่เหลือก็ตามมาติดๆ ตู้ม... ม!!! ผมวิ่งเข้าไปและก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เกิดเสียงดังสนั่น เงา ร่างอันคุ้นเคยเพิ่งจะหายเข้าไปในคลองส่งน้ำขนาดเล็กที่เกิดมาจาก นำ้ มือมนุษย์ดวงตาผมเบิกกว้างและเตรียมที่จะกระโดดลงไปในทันที “เอบิเกล!” ผมตะโกนดังลั่น ในหัวก็เดาเหตุการณ์ออกได้ในทันที 15 คุณอเล็กซานเดอร์... หรือก็คือไก ่ตัวที่เอบิเกลบอกว ่ ราชานกฮูก ายัง v ไม่กลายพันธุ์น ่าจะถูกเอบิเกลไล ่จนตกลงไปในน้ำ เอบิเกลก็เลย กระโดดลงไปช่วย ผมต้องโดดลงตามเขาไป! “เดี๋ยวก่อนโทมัส!” เสียงของคริสดังขึ้น เขากระชากผมเอาไว้ผมหันไปมองเขา ด้วยความฉงน “ทำไมล่ะ? เอบิเกลลอยหายเข้าไปในท่อแล้วนะ” คริสส่ายหัวอย่างจริงจัง และสตีฟก็เฉลยทุกอย่าง “นายใจเย็นๆเราเพิ่งจะวางแผนกันเมื่อกี้จำได้ไหม ว่าเมืองนี้มี ขั้วอำนาจอันยิ่งใหญ่ประมาณสามกลุ่มด้วยกัน อีกทั้งยังมีต้นไม้เลือด และราชาซอมบี้โคตรโหดพวกนั้นอีก ดังนั้นพวกเราต้องรอกำลังเสริม ก่อนค่อยจะเข้าไป เพราะหากเข้าไปหลายคนพร้อมกัน จะไปกระตุ้น ความสนใจของคนพวกนั้นเข้า บางทีสงครามอาจจะเกิดขึ้นก็ได้” ผมหน้าเสียและอดที่จะพยักหน้าไม่ได้ ใช่แล้ว สถานการณ์ภายในเมืองช ่างซับซ้อนอย ่างถึงที่สุด พวกเราจึงต้องหาทางเข้าเมืองที่ถูกต้องที่สุดด้วยเช่นกันเพราะว่า ความ ระแวงของแต่ละขั้วอำนาจได้มาถึงขั้นสุดท้าย สงครามระหว่างเพื่อน มนุษย์ด้วยกันพร้อมที่จะระเบิดขึ้นได้ตลอดเวลา “แต่ว่า ถ้าเอบิเกลเป็นอะไรไปล่ะ” ผมเป็นห่วงเขามากยังคงมีความคิดที่จะโดดน้ำตามไป 16 vWalking Friend 2 มิเกลส่ายหน้าพร้อมทั้งบอกว่า “ในกลุ่มนายคือคนที่พลังทำลายล้างสูงสุด แต่อย่าได้ลืมเชียว ว่าพลังของนายยังทำอะไรพลังของเอบิเกลไม่ได้พลัง ‘ด้วยพลังแห่ง ไม่มีไข ใสสะอาด’ นั่นพัฒนามากขึ้นตามจำนวนต้นไม้เลือดซึ่งกลาย เป็นต้นไม้สีทองพวกนั้น นายอย่าลืมนะว่าทำให้เป็นรอยขีดข่วนแค่เล็ก น้อยนายยังทำไม่ได้เลย” ผมกลืนน้ำลายและพยักหน้า ใช่แล้วล่ะ ตอนนี้พลังพิเศษของเอบิเกลพัฒนาถึงขึ้นที่เรียกได้ ว่าไร้เทียมทานไปแล้ว และในตอนที่ผมกำลังสงบสติอารมณ์ได้แล้วนั่นเอง สตีฟก็ อุทานออกมา “ฉิบหายแล้ว!” พวกเราทุกคนตกใจพร้อมทั้งหันหาสตีฟเป็นเชิงว่ามีอะไร สตีฟตัวสั่นและค่อยๆ ก้มลง มาถึงตอนนี้พวกเราจึงเพิ่งจะ สังเกตว่าตรงที่สตีฟยืนอยู่มันน่าจะเป็นจุดเดียวกับที่เอบิเกลยืนก่อนที่ จะโดดลงไปในน้ำ สตีฟค่อยๆยกบางอย่างขึ้นมาจากพื้น บางอย่าง... ที่พวกเราลงความเห็นแล้วว่ามันก็คือ... นำ้มันพืช น้ำมันพืช... น้ำมันพืช... น�้ำมันพืช! 17 “เฮ้ย!” / “อะไรนะ!” / “ตายห่าแล้ว... ว!” ราชานกฮูก v พวกเราทุกคนต ่างตะโกนออกมาด้วยความเคร ่งเครียด มองหน้ากันเลิ่กลั่ก คำถามคือ ทำไมพวกเราถึงต้องกังวลมากขนาดนี้ ต้องย้อนความกันสักนิด เอบิเกล ถึงแม้ว่าจะมีพลังอันสะเทือน ฟ้าสะท้านดิน แต่ก็มีจุดอ่อนอันร้ายแรงอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นก็คือ ถ้าไม่มีน�้ำมันพืชอยู่ข้างๆ เขาจะไม่ยอมใช้พลังพิเศษ อันที่จริงจะเรียกว่าไม่ยอมใช้ก็ไม่ถูก คืองี้... เอบิเกลเชื่อว่า พลังของตนได้มาจากเพื่อนที่ชื่อว่า ‘ไม่มีไข ใสสะอาด’ ซึ่งแน่นอนว่า ใครหลายคนอาจจะงุนงงสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าคนบ้าอะไรจะชื่อแบบนี้ ใช่แล้ว มันไม่ใช่ชื่อคน... แต่เป็นชื่นสโลแกนของผลิตภัณฑ์ น้ำมันถั่วเหลืองต่างหาก ดังนั้น... น่ากลัวที่จะต้องพูดว่า เอบิเกลคิดว่าพลังของตัวเอง ได้มาจาก‘น้ำมันพืช’ … … … ใช่แล้ว พูดเองผมยังเงิบเองเลย ใช่เลย เอบิเกลคิดแบบนั้น จริงๆอันที่จริงถ้าหากว่าใครก็ตามที่ได้พบเจอเรื่องราวการผจญภัยก่อน หน้านี้ของพวกเราตอนที่จัดการเปลี่ยนต้นไม้เลือดให้กลายเป็นต้นไม้ ทองคำล่ะก็จะต้องมีความเข้าใจมากขึ้นอีกโขเลยล่ะ 18 vWalking Friend 2 “ทำไมเอบิเกลถึงทิ้งน้ำมันพืชไว้ล่ะ” มิเกลตั้งคำถาม ทุกคนเองก็พยักหน้า ใช่แล้ว ปกติเอบิเกลจะ ไม่ยอมห่างเจ้าสิ่งนี้เลยนี่นา “ฉันคิดว่าฉันรู้นะ” สตีฟว่าพลางยกขวดน้ำมันพืชที่เขาเจอ ขึ้นมา มาถึงตอนนี้พวกเราที่เหลือต่างก็เห็นเหมือนกันแล้วว่ามันมี กระดาษโน้ตแปะเอาไว้อยู่ พวกเราเข้าใจได้พร้อมๆ กันว่านั่น ก็คือ ข้อความที่เอบิเกลทิ้งเอาไว้ให้ สตีฟอ่านโน้ตนั่นเสียงดังฟังชัดให้พวกเราได้ฟัง “ไม่มีไขใสสะอาด เป็นนำ้มันพืชที่ไม่ถูกกับนำ้มากๆ หลักฐาน คือ เวลาเทเขาลงในน้ำเปล่า ไม่มีไข ใสสะอาดจะไม่ยอมอยู่ร่วมแก้ว เดียวกันกับน้ำ จนถึงขนาดแบ่งแยกกันชัดเจน ดังนั้นถ้าฉันโดดลงน้ำ ไปพร้อมกับเขา ไม่มีไขใสสะอาดจะต้องโกรธฉันแน่เลย ลงชื่อ เอบิเกล” “…” “…” “…” พวกเราต่างเงียบ แล้วก็ตะโกนขึ้นมาในทันที “เชี่ยเอ๊ยยยเอบิเกลลล อะไรของนายวะ!!!” ดังนั้นการที่ผมเกิดมาเป็นคนที่อยู่กับเอบิเกลมาตั้งนานนม แล้ว ดูเหมือนว่าผมจะเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ “ทุกคนมีน้ำมันพืชด้วยกันแล้วนะ?” 19 ทุกคนทำหน้าได้สติพวกเราทุกคนด้วยความที่ต้องเดินท ราชานกฮูก าง v ไกลเลยมีเป้เอาไว้บรรจุอาหารกระนั้นนอกจากอาหารแล้วก็ยังมีนำ้มัน พืชเก็บไว้คนละขวด เพราะว่าอะไรนะหรือ? ก็เพราะว่าผมคาดเอาไว้ว ่าสักวันเหตุการณ์แบบนี้ต้อง เกิดขึ้นแน่นอน “ฉันมี” คริสว่า “ฉันมี” มิเกลว่า “ฉัน... ไม่มี...” สตีฟกล่าวแห้งๆ พวกเราเลยหันไปมองที่สตีฟ เป็นตาเดียว สตีฟย่นคอเล็กน้อย “พอดีว่าที่เมืองที่แล้วฉันไปเจอเนื้อหมู แช่แข็งมาน่ะ แหะๆก็เลย... เอาไปทอดหมูกินหมดแล้วอยากกินอีกจัง” ผมตัวหน้าผากตัวเองเบาๆจากนั้นก็ส่ายหน้าพร้อมทั้งกล่าวว่า “สตีฟ งั้นนายเก็บขวดของเอบิเกลเอาไว้แล้วกัน” พูดจบ สตีฟ พยักหน้าแล้วก็เก็บลงประเป๋าเป้ไป ผมเห็นแบบนี้ก็หันไปทางคลอง ส่งน้ำแล้วก็เริ่มอธิบายแผนการ “พวกเราจะผลัดกันโดดลงไปในนั้น เว้นระยะเวลาคนละ ห้านาทีข้างในกระแสน้ำแรงมากอีกทั้งเส้นทางเดินน้ำยังมีความ ซับซ้อนสูง มีความเป็นไปได้สูงว ่าปลายทางอาจจะไม่ปรากฏได้ ทั่วทั้งเมือง ดังนั้นพวกเราต้องกระจายตัวกันโดดลงไป และเมื่อไป ถึงปลายทางก็หวังว ่าในพวกเราสี่คนจะมีคนหนึ่งเจอเอบิเกลเข้า ภารกิจคือ มอบน้ำมันพืชให้เอบิเกลให้ได้” 20 vWalking Friend 2 ทุกคนพยักหน้าอย่างจริงจัง... กระนั้นสตีฟก็อดที่จะพูดออกมาไม่ได้ว่า “เอ่อ... นี่เป็นภารกิจที่โคตรงี่เง่าเลยว่าไหม นำส่งน้ำมันพืช” ตอนสตีฟไม่พูดก็ไม่มีใครคิดอะไร แต่พอพูดเท่านั้นแหละ คริส มิเกล แม้กระทั่งผมต่างก็อดห่อเหี่ยวไม่ได้ ใช่ โคตรงี่เง่าเลย กระนั้นมิเกลก็แย้ง “ไปกันเถอะถึงเวลาจวนตัวจริงๆ ต่อให้เอบิเกลไม่มีน้ำมันพืช พลังพิเศษก็จะทำงานเอง แต่การที่พวกเราเอาน้ำมันไปให้มันน่าจะ ดีกว่านะ” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ดังนั้นพวกเราเลยเริ่มต้นพลัดกันกระโดดลงน้ำ สตีฟลงไปคนแรกเว้นเวลาห้านาทีแล้วคริสก็ทำท่าจะตามไป มิเกลเดินมาหอมแก้มส่ง ผมเลยเบือนหน้าหนีไปทางอื่น อีกห้านาทีมิเกลก็ตามไป สุดท้ายหลังจากที่ผมส ่งข ่าวกลับไปให้คุณแดเนียลและ อาราก้อนแล้ว ผมก็กระโดดลงไปในน้ำและภาวนาว่าหนึ่งในพวกเรา จะไปปรากฏปลายทางเดียวกับเอบิเกล กระแสน้ำรุนแรงมาก ผมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกผลักด้วยมือที่ มองไม่เห็น กาลเวลาผ่านไปนานพอสมควร ผมก็รู้สึกว่าตัวเองมาถึง ปลายทางแล้ว 21 “ฮ่าห์!” ราชานกฮูก v ผมพ่นลมออกมาจนหมดปอดก่อนที่จะสูดเข้าไปใหม่อย่าง กระหาย จากนั้นมองไปรอบๆ เพื่อนหวังจะได้พบกับเอบิเกล หรือร่อง รอยของเขาก็ยังดี มองไปด้านหน้า... ไม่เจออะไร ทว่า... “ทะ-โทมัส...” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง ผมหันควับกลับไปในทันที แล้วก็พบว่า “หือ... สตีฟ?” เห็นหน้าสตีฟ สตีฟก็พยักหน้าให้ตัวเปียกปอน ไม่ต่างจากผม เขากำลังนั่งอยู่บนเนินที่อยู่เหนือน้ำ แล้วก็พบว่า ข้างๆ สตีฟก็มีอีกคนอยู่ด้วย “หือ... คริส?” เห็นหน้าคริส คริสก็พยักหน้าให้แต่แล้วผมก็ เห็นใครอีกคน “หือ... มิเกล?” มิเกลก็พยักหน้าให้... และแล้ว... ผมก็เข้าใจอะไรได้ในทันที ใช่แล้ว พวกเราน่ะ... มาออกจุดหมายเดียวกันหมดเลย ซึ่งจุดนี้แน่นอนว่า ไม่มีร่องรอยของเอบิเกลเลยสักนิด เห็นไหมล่ะ เอบิเกลก็ไม่เจอ แผนพัง ซ้ำแล้ว... ยังพาตัวเอง และทีม มาติดอยู่กับสถานที่ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าอยู่จุดไหนของเมืองนี้แถม เอบิเกลยังไม่มีน้ำมันพืชอีก 22 vWalking Friend 2 ผมบอกแล้ว ตอนนี้น่ะ... ผมคิดว่าผมก�ำลังเจอปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต!


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (71 รายการ)

www.batorastore.com © 2024